Pin It

 

 

... ทำธูปหอม ...

ไปไม่ทันเค้าบรรยาย ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็เล่นเอาจับงูๆ ปลาๆ มารวมกัน มาจดบันทึกเก็บไว้เล่นๆ แต่ถ้าใครอยากไปลองทำเอง ... ก็ลองมั่วดู เห็นผลยังไงบอกด้วยนะ 5555



ส่วนผสมที่นำมาใช้ในการทำธูปหอมที่บ้านทองตะนาว เป็นพวกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติล้วนๆ วิทยากรบอกว่า ไม่มีสารเคมี เช่น ดอกไม้แห้ง เปลือกไม้ รากไม้ ที่มีกลิ่นหอม ก็แยกกลิ่นกันไป ซังข้าวโพดเอามาบดหยาบ บดละเอียด ทำธูปขาวก่อนที่จะใส่สี ผสมกลิ่น ?? สีสดที่เราเห็น เขาใช้สีผสมอาหารในการทำ จึงปลอดภัยแน่นอน ก้านธูปเหลามาจากไม้ไผ่ และการประกอบก้านธูปก็จะใช้กาวจากธรรมชาติ กาวที่มาจากยางไม้ บดละเอียด เรียกว่า "ผงโกบ๊วะ" (คือยางไม้ที่มาจากต้นกันเกรา) ... จำได้ไม่หมด ถ่ายรูปย่อยๆ มาก็ไม่ครบ แต่เล่าเอาบรรยากาศแล้วกันนะคะ



เริ่มขึ้นก้านธูปด้วยการหยิบผงโกบ๊วะละลายน้ำแล้วถูไปมาบนมือจะเกิดยางเหนียว แล้วใช้มือลูบที่ก้านมะพร้าวเพื่อให้ยางติดก้านไม้ไผ่เท่าระยะที่เรากำหนด จากนั้นก็เอาไปจิ้มในผงซังข้าวโพดบดละเอียดแบบนี้



จากนั้นก็คลึงก้านธูปด้วยมือ เพื่อลดฝุ่นและทำให้ผงซังข้าวโพดจับก้านสม่ำเสมอ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วเอามาลูบยางโกบ๊วะ แล้วจิ้มใหม่ คลึงใหม่ ไปตากแดด ... แบบนี้ทำไป 4 รอบ กว่าจะได้ธูปมาก้านนึง ... โห!!! ถ้าแดดจัดๆ  4 รอบที่ว่า จะทำเสร็จในวันเดียว ... แต่ถ้าฝนตก ไม่ต้องทำธูปกันเลยล่ะค่ะ

แล้วก็จะเอาธูปที่ได้ขาวๆ เนี่ยไปเก็บไว้ให้แห้ง อย่าให้ชื้น เขาใช้วิธีอบไล่ความความชื้น โดยใช้คอยล์ความร้อนของแอร์บ้านเป่า !! เขาก็สร้างห้องขึ้นมา เวลาเปิดแอร์ใช้ภายในบ้าน ลมแอร์ที่ออกมาข้างหลังร้อนๆ ก็ให้เป่าเข้าไปในห้องเก็บธูปแทน ... เอากะเค้าสิ ประหยัดพลังงานได้อีกตะหาก เจ๋งจริงๆ



ทีนี้เวลาจะใส่สี ใส่กลิ่น ก็เอาธูปขาวๆ นั่นไปจิ้มในถังสี แล้วไปปักตากแดดที่ลานกลางแจ้ง และถังสีนั้นก็จะใช้น้ำมันหอมระเหยกับสีผสมอาหาร แยกสีแยกกลิ่นกันไป



สุดท้ายและท้ายสุดของวันนั้น แต่ละคนก็หิ้วถุงของที่ระลึกจากที่นั่นกลับมาใช้เองที่บ้านและเป็นของฝากกันหลายถุงทีเดียว ... หากใครสนใจ แอบกระซิบมาบอกว่า หาซื้อกับสาวมิสทีน นะจ๊ะ มีขายในแคตตาล๊อกมิสทีนทุกเล่มแล้วค่า

พักยก ครึ่งแรก เรามีอาสาสมัคร 2 ท่าน ต้องการทดสอบความเหนียวของผงโกบั๊วะ ก็เลยลองทำธูปกันอย่างสนุกสนาน ... แรกจุ่มน้ำ ก็ยิ้มระรื่นดี เวลาผ่านไปได้ยินแว่วๆ ว่า มันล้างไม่ออกอ่ะค่ะคุ๊ณณณณ แล้วเป็นงัยล่ะ มือเหนี๊ยวเหนียว laughing wink สวัสดีค่ะ

(ติดตามภาค ๒ คลิก)
------------------------------------------

(One Day Photo Trip : 18 ก.พ. 2553)

Photo & Story Written by @nggate
19 Feb 2010

 

 

Pin It